Skip to main content
  • Story

ความผูกพันข้ามพรมแดน

เมื่อการเปิดรับสมัครรางวัล Debra Porch Award: Visual Arts Residency ประจำปี 2026 ได้เริ่มต้นขึ้น เราได้พูดคุยกับผู้ที่ได้รับรางวัลรุ่นแรกสองท่าน คือคุณนาธาน เบียร์ด (Nathan Beard) และคุณนรภัทร ศักดิ์อาธรทรัพย์ (Naraphat Sakarthornsap) เกี่ยวกับประสบการณ์การพำนักเพื่อทำงานศิลปะและแรงบันดาลใจทางศิลปะของพวกเขา

Sep 11, 2025
Naraphat Sakarthornsap sits on the edge of a cliff at dusk

English translation available

Belonging across borders

“ศิลปะเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยให้ผมเข้าใจความหมายของชีวิต” คุณนรภัทร ศักดิ์อาธรทรัพย์ ศิลปินชาวกรุงเทพมหานคร ผู้ซึ่งใช้ดอกไม้เป็นแกนหลักของความคิดสร้างสรรค์และอัตลักษณ์ของเขากล่าว 

ร่วมกับคุณนาธาน เบียร์ด ศิลปินสหสาขา ซึ่งเป็นลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย เขาเป็นหนึ่งในสองผู้ได้รับรางวัลรุ่นแรกของรางวัล Debra Porch Award: Visual Arts Residency โครงการประจำปีที่จัดขึ้นร่วมกับ SAC Gallery ในกรุงเทพมหานคร UNSW Galleries ในนครซิดนีย์ และ Creative Australia เพื่อเป็นเกียรติรำลึกถึงศิลปิน ครู และนักวิจัยผู้ล่วงลับ คุณเดบรา พอร์ช (Debra Porch)

Naraphat Sakarthornsap black and white portrait
Naraphat Sakarthornsap

การพำนักเพื่อทำงานศิลปะแบบแลกเปลี่ยนเป็นเวลาหกสัปดาห์ช่วยให้พวกเขาได้สัมผัสกับบริบททางวัฒนธรรมที่แตกต่าง รวมถึงการสนับสนุนด้านภัณฑารักษ์และการวิจัย การเชื่อมโยงกับชุมชนศิลปะท้องถิ่น และการเข้าใช้สตูดิโอ โดยไม่มีแรงกดดันเรื่องกำหนดการจัดแสดงนิทรรศการ ทำให้พวกเขามีเวลาในการสำรวจแนวทางการสร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบใหม่ ๆ 

แนวคิดที่ลื่นไหลของ ‘ความเป็นไทย’ นั้น ทำให้หัวข้อนี้มีความน่าสนใจในการนำมาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ

คุณนาธานเติบโตที่เมือง Boorloo (นครเพิร์ท) ซึ่งอยู่ห่างไกลจากจังหวัดนครนายก ซึ่งเป็นบ้านเกิดของมารดา แต่มีความผูกพันกับวัฒนธรรมทางฝั่งมารดาอย่างลึกซึ้ง 

Nathan Beard sitting in studio
Nathan Beard. Photo: Leah Jing McIntosh

“บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศของบรรดาป้า ๆ คนไทยและอาหารไทยเสมอ ผมเคยไปวัดพุทธและร้านไทยในนครเพิร์ทกับแม่ และได้เห็นถึงวัฒนธรรมที่ยังคงถูกสืบสานไว้แม้อยู่ห่างไกลจากบ้านเกิดของแม่ก็ตาม 

สิ่งนี้กระตุ้นความสนใจของเขาในแนวคิดที่ว่า “วัฒนธรรมถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไรและตีความได้อย่างไร” แนวคิดเรื่อง ‘ความเป็นไทย’ ซึ่งได้รับการหล่อหลอมจากพลวัตที่เปลี่ยนแปลงไปของประวัติครอบครัว โลกาภิวัตน์ สัทธิล่าอาณานิคม และความต้องการจากนักสะสม ซึ่งกลายเป็นแกนหลักของผลงานเขา 

แม้ว่าเอกสารจดหมายเหตุของครอบครัวและคอลเลกชันโบราณวัตถุไทยของแม่จะเป็นแรงบันดาลใจแรกเริ่ม แต่หลังจากนั้นคุณนาธานขยายความสนใจในการค้นคว้าเกี่ยวกับที่มาที่ไปและมรดกทางอาณานิคมของโบราณวัตถุไทยในคอลเลกชันของออสเตรเลีย เนื่องจากวัตถุจำนวนมากที่เก็บสะสมในสถาบันตะวันตกยังไม่ได้มีการเผยแพร่หรือเปิดให้สาธารณชนเข้าถึง 

“ผมสนใจว่าใครมีสิทธิ์พูดแทนใครในบริบทที่เชิดชูสิ่งแวดล้อมนั้น และต้องการค้นหาวิธีเชิงสร้างสรรค์ที่พยายามเผชิญหน้าหรือท้าทายบริบทดังกล่าว” 

การวิจัยของเขานำเขาไปสู่คลังจดหมายเหตุขนาดใหญ่จากหอศิลป์ที่เลิกกิจการไปแล้วคือ David Jones Art Gallery ซึ่งมีการเก็บรักษาอยู่ที่หอศิลป์ Art Gallery of New South Wales และในเดือนธันวาคม ปี 2024 คุณนาธานได้เดินทางไปกรุงเทพมหานคร เพื่อค้นหาความรู้เพิ่มเติมในงานวิจัยของเขา  

เมื่อพบว่ามีความลังเลที่จะพูดถึงประวัติที่ทำให้โบราณวัตถุไทยตกไปอยู่ในคอลเลกชันของชาวตะวันตกได้อย่างไร เขาจึงหันไปพูดคุยกับนักสะสมชาวไทย ผู้ผลิตของเลียนแบบและของปลอม และกรมศิลปากรหรือ Fine Arts Department ของไทย เพื่อสำรวจ “แนวคิดเรื่องการหมุนเวียนและความต้องการ” และ “รสนิยมแห่งความหรูหรา” ของโบราณวัตถุไทยที่ถูกนำออกไปนอกบริบทดั้งเดิม  

Three artworks in a gallery room
1952,1215.4, 1952,1215.1, 1963,1016.12 (2025) Patinated bronze, silicone, wood, steel, foam. Installation view for TarraWarra Biennial 2025: We Are Eagles, TarraWarra Museum of Art, curated by Kimberley Moulton. Courtesy the artist and FUTURES. Photo: Andrew Curtis.

การวิจัยจากการพำนักเพื่อทำงานศิลปะของคุณนาธานยังนำไปสู่ผลงานประติมากรรมที่ผลิตขึ้นสำหรับนิทรรศการศิลปะ TarraWarra Biennial 2025  ซึ่งเป็นรูปมือสามคู่โอบประคองเศียรเทพเจ้าสำริดบนหีบไม้ 

เศียรเหล่านี้ถูกหล่อขึ้นที่โรงหล่อสำริดในประเทศไทยซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการทำของโบราณจำลอง โดยใช้การพิมพ์สามมิติที่ได้มาจากงานวิจัยของเขา ขณะที่แม่พิมพ์ซิลิโคนรูปมือของคุณนาธานถูกย้อมเป็นสีฟ้าเพื่อให้คล้ายกับถุงมือยางไนไตรล์ที่ใช้ในพิพิธภัณฑ์ 

ผลงานดังกล่าวใช้ชื่อว่า 1952,1215.1, 1952,1215.4 และ 1963,1016.12 ตามรูปแบบรหัสสะสมของสถาบันหรือพิพิธภัณฑ์ เป็นการสะท้อนอย่างประชดประชันเกี่ยวกับที่มาที่ไปที่คลุมเครือของโบราณวัตถุ คำถามเรื่องความแท้จริง และบริบททางวัฒนธรรมเมื่อถูกจับแยกออกจากถิ่นกำเนิด 

“งานปฏิมากรรมถูกจัดให้อยู่ในท่าทางต่าง ๆ ที่หยิบยืมมาจากการนวดศีรษะแบบไทย ราวกับว่ากำลังมอบการบำบัดหรือฟื้นฟูบางอย่างให้กับสิ่งของที่ถูกซ่อนเร้น หรืออนุญาตให้เข้าถึงได้ตามเงื่อนไขบางอย่างเท่านั้น” เขากล่าว

Gallery with Nathan Beard's artwork Cicerone installed in the centre of the room
Cicerone installation view at Gertrude Glasshouse, 2025. Courtesy the artist and FUTURES. Photo: Christian Capurro. 

ตอนเด็ก ๆ ก่อนที่ผมจะเข้าใจอัตลักษณ์ตัวเองว่าเป็นเกย์ ผมชอบวาดตัวการ์ตูนผู้หญิงและดอกไม้

ตั้งแต่เด็ก คุณนรภัทรมีความรู้สึกผูกพันกับธรรมชาติ ซึ่งได้หล่อหลอมทั้งอัตลักษณ์และธีมทางศิลปะของเขา เขาเติบโตในเขตชานเมืองของกรุงเทพมหานคร ในย่านที่ครั้งหนึ่งเคยรายล้อมไปด้วยสวนผลไม้ เขาใช้เวลาช่วงฤดูร้อนกับป้าที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลในภาคตะวันออกของประเทศไทยที่เต็มไปด้วยทุ่งนาข้าวและพืชพันธุ์ไม้เฉพาะถิ่น 

“บ้านป้ามีชั้นวางหนังสือที่เต็มไปด้วยหนังสือเกี่ยวกับพืชและสมุนไพร” เขากล่าว “ผมจำได้อย่างชัดเจนว่าหมกมุ่นอยู่กับการอ่านหนังสือทุกเล่ม โดยจำภาพและชื่อดอกไม้ต่าง ๆ ได้แทบทั้งหมด วันหนึ่งตอนที่ไปตลาดดอกไม้กับครอบครัว ผมสามารถเรียกชื่อดอกไม้ได้เกือบทุกชนิด ครอบครัวผมต่างทึ่งมาก” 

ผลงานยุคแรกของเขาเป็นการสำรวจอัตลักษณ์ในมุมส่วนตัว ก่อนที่จะพัฒนาเป็นการวิพากษ์วิจารณ์สังคม 

“ในตอนแรก ผมใช้ศิลปะและดอกไม้เพื่อถ่ายทอดความทรงจำที่เจ็บปวด ความรู้สึกถูกปฏิเสธ และความจำเป็นต้องปิดซ่อนอัตลักษณ์ทางเพศของตัวเอง” เขากล่าว 

“แต่เมื่อเวลาผ่านไป ศิลปะและดอกไม้ก็ได้กลายเป็นสะพานเชื่อมให้เกิดความเข้าใจ ทุกวันนี้ ผลงานของผมสะท้อนปัญหาสังคมในวงกว้าง ซึ่งผมมีประสบการณ์ตรง เช่น ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น การกีดกันทางสังคม และความไม่เท่าเทียมกันในรูปแบบต่าง ๆ” 

ผลงานของคุณนรภัทรทั้งแบบชั่วคราวและแบบถาวรแสดงออกถึงคำวิจารณ์ต่อความเปราะบางและอำนาจ ผลงานติดตั้งของเขาโดดเด่นเปร่งประกายด้วยสีสัน ผิวสัมผัส และโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาของดอกไม้เมื่อเทียบเคียงกับวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้น ส่วนภาพถ่ายของเขาจับภาพการจัดดอกไม้ในห้วงเวลานั้น โดยมักจะถ่ายโดยใช้ฉากที่มืดทึบลึกลับน่าสะพรึงกลัวเป็นพื้นหลัง

Three hauntingly beautiful photographs of flower arrangements in varioius colours against black backdrops.
Ghosting Arrangement by Naraphat Sakarthornsap. Images left to right: Frederick, George, Cristo

คุณนรภัทรได้สมัครเข้าร่วมรางวัลนี้เนื่องจากเห็นถึง “ความหลากหลายของมนุษย์และพฤกษชาติ” ของออสเตรเลีย  รวมถึงโอกาสในการเพิ่มพูนความรู้ของเขาเกี่ยวกับพันธุ์ไม้พื้นเมืองให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น  

“[นั่น] เป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตและทำให้มุมมองของผมเกี่ยวกับความหลากหลายเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง” เขากล่าวถึงการพำนักเพื่อทำงานศิลปะครั้งนี้ ซึ่งมอบพื้นที่ส่วนตัวในการทำงานให้เขาเป็นครั้งแรก โดยที่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน หลังจากที่ต้องแชร์ห้องนอนร่วมกับพ่อแม่และน้องสาวของเขาในกรุงเทพมหานครมาตลอด 

“นครซิดนีย์เป็นสถานที่แรกในชีวิตที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่หลากหลายเช่นนี้ ... ความหลากหลายทางพฤกษชาติที่อุดมสมบูรณ์ยังทำให้ผมได้รับความรู้มากมายที่ไม่สามารถหาจากที่อื่นได้” 

เขาได้ไปสำรวจตลาดดอกไม้ สวนพฤกษศาสตร์ และอุทยานแห่งชาติของนครซิดนีย์ เจ้าหน้าที่จากหอศิลป์ UNSW Galleries ยังเชื่อมโยงเขากับศิลปิน นักพฤกษศาสตร์ และแหล่งข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงร้านขายดอกไม้ท้องถิ่นที่เจ้าของร้านได้กลายมาเป็นผู้ร่วมงานและเพื่อนไปในที่สุด “ทุกความทรงจำอันงดงามในช่วงเวลานี้ถูกจัดเก็บไว้ในดอกไม้ทุกดอก ภาพถ่ายทุกภาพ และงานศิลปะทุกชิ้นที่ผมได้สร้างขึ้นในระหว่างการพำนักครั้งนี้” 

Naraphat Sakarthornsap takes a selfie with a large green leaf in a conservatory
Naraphat during the residency

การพำนักเพื่อทำงานศิลปะจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อมีความยืดหยุ่นและการตอบสนองต่อความต้องการของศิลปิน

คุณโจเซ ดา ซิลวา (José Da Silva) ผู้อำนวยการในตำแหน่ง UNSW Galleries Director มองว่าความสำเร็จของโครงการนี้อยู่ที่การสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน 

“ผลลัพธ์ที่มีค่าที่สุดคือโอกาสในการเข้าถึงประสบการณ์ใหม่ ๆ และการสร้างความสัมพันธ์ มากกว่าการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ การมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในท้องถิ่นทำให้ประสบการณ์การพำนักเพื่อทำงานศิลปะยังคงส่งผลต่อไปอีกนานแม้จะสิ้นสุดโครงการไปแล้วก็ตาม” 

คุณโจเซกล่าวว่า โครงการนี้เป็นการเชิดชูเจตนารมณ์ของคุณเดบรา พอร์ช ที่มีต่อภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และวิธีที่โครงการพำนักเพื่อทำงานศิลปะได้ช่วยหล่อหลอมแนวทางการทำงานของเธอเอง 

สำหรับศิลปินทั้งชาวไทยและออสเตรเลีย โครงการนี้เปิดทางให้ศิลปินได้มีส่วนร่วมกับภาคส่วนทางวัฒนธรรมที่หลากหลายของทั้งสองประเทศ และสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากขึ้นในศิลปะและในชีวิต 

คุณนรภัทรเห็นด้วย  

การแลกเปลี่ยนศิลปินแบบนี้ช่วยเติมเต็มช่องว่าง สร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันมากขึ้นในการค้นพบและเรียนรู้ แบ่งปันสิ่งที่เรามี และได้รับสิ่งที่เรายังขาดจากประเทศเจ้าภาพ 

การเปิดรับสมัครของรางวัล Debra Porch Award: Visual Arts Residency  ประจำปี 2026 จะสิ้นสุดในวันอังคารที่ 16 กันยายน 2025 เวลา 15.00 น. เวลามาตรฐานออสเตรเลียตะวันออก (AEST) ผู้สมัครที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับแจ้งในเดือนพฤศจิกายน 2025 โดยที่โครงการพำนักเพื่อทำงานศิลปะจะมีขึ้นในปี 2026 สำหรับผู้ได้รับรางวัลประจำปี 2025 ได้แก่ ศิลปินสิ่งทอ คุณกรรณชลี งามดำรงค์ (Kanchalee Ngamdamronk) และศิลปินสหสาขา คุณเมวิช อิกบัล (Mehwish Iqbal) จะเข้าร่วมการพำนักเพื่อทำงานศิลปะของพวกเขาในปลายปีนี้ 

 

 

Logo Creative Australia

We acknowledge the many Traditional Custodians of Country throughout Australia and honour their Elders past and present.

We respect their deep enduring connection to their lands, waterways and surrounding clan groups since time immemorial. We cherish the richness of First Nations Peoples’ artistic and cultural expressions.

We are privileged to gather on this Country and through this website to share knowledge, culture and art now, and with future generations.

First Nations Peoples should be aware that this website may contain images or names of people who have died.

Image alt text

We acknowledge the many Traditional Custodians of Country throughout Australia and honour their Elders past and present.

We respect their deep enduring connection to their lands, waterways, and surrounding clan groups since time immemorial. We cherish the richness of First Nations peoples’ artistic and cultural expressions. We are privileged to gather on this Country and to share knowledge, culture and art, now and with future generations.

Art by Jordan Lovegrove